พระคําภีร์ได้สอนเราว่าเราคือจิตวิญญาน จิตใจ และร่างกาย
(23) ขอให้พระเจ้าแห่งสันติสุขทรงชำระท่านทั้งหลายให้เป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจ และร่างกายของท่านไว้ให้ปราศจากการติเตียน จนถึงวันที่พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะเสด็จมา
ในขณะที่วิญญานเราได้ถูกชําระและจิตใจได้รับการเติมเต็มแต่ว่าร่างกายนั้นยังคงอ่อนกำลังตามที่อาจารย์เปาโลได้กล่าว
(41) ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐานเพื่อจะไม่ถูกทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง”
ข่าวดีก็คือเราสามารถให้พระวิญญานบริสุทธิ์เป็นผู้ทรงนําเราโดยการที่มอบกำลังและความสําเร็จให้แก่เรา
ดําเนินชีวิตตามพระวิญญาน
(16) แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่าจงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ แล้วท่านจะไม่สนองความต้องการของเนื้อหนัง
(17) เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังขัดแย้งพระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ขัดแย้งเนื้อหนัง เพราะทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ดังนั้นท่านทั้งหลายจึงไม่สามารถทำสิ่งที่ท่านปรารถนาจะทำ
(18) แต่ถ้าท่านทั้งหลายได้รับการทรงนำโดยพระวิญญาณ ท่านก็ไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ
(19) การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การเสเพล
(20) การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การฉุนเฉียวกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน
(21) การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ในทำนองนี้ซึ่งข้าพเจ้าเคยเตือนพวกท่านมาก่อนว่า คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า
(22) ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์
(23) ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย
อะไรคือผลของพระวิญญาน และความตั้งใจที่พระวิญญานบริสุทธิ์จะออกผลในเรา
(25) ส่วนนักกีฬาทุกคนก็ควบคุมตัวเองในทุกด้าน พวกเขาทำเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ที่ร่วงโรยได้ แต่มงกุฎของเราจะไม่ร่วงโรยเลย
(26) ดังนั้นข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งแข่งโดยไม่มีเป้าหมาย ข้าพเจ้าไม่ได้ต่อสู้เหมือนอย่างนักมวยที่ชกลม
(27) แต่ข้าพเจ้าทุบตีร่างกายและควบคุมมันไว้ เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว ตัวเองกลับเป็นคนที่ใช้การไม่ได้
ทําไมเราถึงต้องมีเป้าหมาย?
(13) เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงทำการอยู่ภายในพวกท่าน ให้ท่านมีความประสงค์และมีความสามารถทำตามชอบพระทัยของพระองค์
พระเจ้าทํางานในเราอย่างไร?
(12) เพราะฉะนั้นอย่าให้บาปครอบงำกายที่ต้องตายของท่าน ซึ่งทำให้ต้องเชื่อฟังตัณหาของกายนั้น
(13) อย่ายกอวัยวะของท่านให้แก่บาป ให้เป็นเครื่องใช้ในการอธรรม แต่จงถวายตัวของท่านแด่พระเจ้า เหมือนคนที่เป็นขึ้นมาจากตายแล้ว และจงให้อวัยวะเป็นเครื่องใช้ในการชอบธรรมถวายแด่พระเจ้า
(14) บาปจะไม่ครอบงำพวกท่านต่อไป เพราะว่าท่านไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณ
(15) ถ้าเช่นนั้นจะว่าอย่างไร? เราจะทำบาปเพราะไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณอย่างนั้นหรือ? เปล่าเลย
(16) พวกท่านไม่รู้หรือว่าถ้าท่านยอมตัวรับใช้เชื่อฟังใคร ท่านก็เป็นทาสของผู้ที่ท่านเชื่อฟังนั้น คือเป็นทาสของบาปซึ่งนำไปสู่ความตาย หรือเป็นทาสของการเชื่อฟังซึ่งนำไปสู่ความชอบธรรม?
(17) แต่จงขอบพระคุณพระเจ้า เพราะว่าท่านเคยเป็นทาสของบาป แต่บัดนี้มีใจเชื่อฟังหลักคำสอนนั้นซึ่งท่านได้รับมา
(18) เมื่อท่านทั้งหลายพ้นจากบาปแล้ว ท่านก็ได้เป็นทาสของความชอบธรรม
ทําไมความบาปถึงไม่มีอํานาจเหนืออเราแล้ว?
เดินอยู่ในความสว่าง
อะไรคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตเราเมื่อเราเดินอยู่ในความสว่าง
(7) แต่ถ้าเราเดินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างที่พระองค์สถิตในความสว่าง เราก็มีสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น
(9) แต่พวกท่านเป็นพงศ์พันธุ์ที่ทรงเลือกสรร เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นชนชาติบริสุทธิ์ เป็นประชากรอันเป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า เพื่อให้พวกท่านประกาศพระเกียรติคุณของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกพวกท่านให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์
(36) ถ้าทั้งตัวของท่านเต็มไปด้วยความสว่างไม่มีความมืดเลย มันก็จะสว่างไสวไปหมดเหมือนอย่างความสว่างของตะเกียงที่ส่องมายังท่าน”
(8) เพราะเมื่อก่อนท่านทั้งหลายเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตอย่างคนของความสว่าง
(9) (เพราะว่าผลของความสว่างคือทุกอย่างที่เป็นความดี ความชอบธรรม และความจริง)
สวมใส่ยุทธภัณฑ์ของพระเจ้า
(10) สุดท้ายนี้ จงเข้มแข็งขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในอานุภาพอันทรงพลังของพระองค์
(11) จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าเพื่อจะสามารถต่อสู้กับอุบายของมารได้
(12) เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับพวกภูตผีที่ครอบครอง พวกภูตผีที่มีอำนาจ พวกภูตผีที่ครองพิภพในยุคมืดนี้ ต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วในสวรรคสถาน
(13) เพราะเหตุนี้จงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะสามารถต่อสู้ในวันชั่วร้ายนั้น และเมื่อทำทุกอย่างแล้วจะยังยืนหยัดอยู่ได้
ยุทธภัณฑ์ของพระเจ้าจะสามารถช่วยเราได้อย่างไร?
(14) พราะฉะนั้นจงยืนหยัดไว้ เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นเกราะป้องกันอก
(15) และเอาความพรั่งพร้อมในการประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า
(16) และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นี้พวกท่านจะสามารถดับลูกศรเพลิงทั้งหมดของมารร้าย.
(17) จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ
องค์ประกอบต่างๆของยุทธภัณฑ์ของพระเจ้ามีอะไรบ้าง
ถามเพื่อน
- คุณอยากเป็นคนที่ช่วยให้เพื่อนได้เดินในความสว่างไหม
- คุณคิดว่าพระวิญญานบริสุทธิ์จะสามารถช่วยเหลือคุณได้อย่างไร
การนําไปใช้
- อะไรเป็นขั้นตอนที่เราสามารถทําได้เพื่อเอาชนะความบาป?
- คุณได้รับพระวิญญานบริสุทธิ์แล้วหรือยัง ถ้ายัง คุณต้องการที่จะรับพระวิญญานบริสุทธิ์ตอนนี้ไหม?
ตัวอย่างคําอธิษฐาน
พระเยซูข้าพระองค์ขอขอบพระคุณพระองค์ที่เอาชนะความบาปทั้งหมดแล้วบนไม้กางเขน และข้าพระองค์ต้องการที่จะเรียนรู้ถึงพระวิญญานบริสุทธิ์มากขึ้นเพื่อที่จะช่วยให้ข้าพระองค์จะได้สํานึกถึงพระคุณและอํานาจของพระองค์ เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้เกิดผล และเพื่อที่ข้าพระองค์จะสามารถสวมใส่ยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้และได้รับกำลังที่มาจากพระองค์ในการต่อสู้กับความชั่วร้าย
ข้อพระคําภีร์
เพราะฉะนั้นไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ได้ทำให้ท่านพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย