เมื่อเราพยายามมีความเชื่อในพระเจ้าโดยไม่ละทิ้งบาป ผลลัพธ์จะเป็นเพียงความเสแสร้ง แต่เมื่อเราพยายามละทิ้งบาปโดยไม่หันไปหาพระเจ้าในความเชื่อ ผลลัพธ์จะเป็นความล้มเหลว ความสิ้นหวัง และกฎหมายเคร่งครัด การกลับใจ (Repentance) คือการเตรียมใจของเราให้พร้อมสำหรับพระเจ้า พระเจ้าต้องเคลียร์สิ่งสกปรกและงานที่ตายแล้วออกไปก่อน จึงจะสามารถปลูกเมล็ดพันธุ์ดีที่จะให้ผลดีได้
การกลับใจต้องมีผล
19 “ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา เมื่อเป็นอย่างนี้ ข้าพเจ้าจึงเชื่อฟังนิมิตที่มาจากสวรรค์นั้น 20 ข้าพเจ้าเริ่มสอนผู้คนในเมืองดามัสกัสก่อน จากนั้นก็สั่งสอนผู้คนในเยรูซาเล็ม และตลอดทั่วแคว้นยูเดีย และคนที่ไม่ใช่ยิวด้วย โดยบอกให้พวกเขากลับตัวกลับใจ หันมาหาพระเจ้าและทำการงานต่างๆที่เหมาะกับคนที่กลับตัวกลับใจแล้ว
เราควรเห็นหลักฐานของการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของผู้คนได้หรือไม่?
ทำอย่างไร?
18 ต้นไม้ดีจะออกผลเลวไม่ได้ และต้นไม้เลวจะออกผลดีไม่ได้ 19 ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่ออกผลดี จะถูกตัดทิ้งและโยนเผาไฟ 20 ดังนั้นจะรู้ว่าผู้พูดแทนพระเจ้านั้นเป็นตัวปลอมหรือเปล่า ก็ดูจากผลของการกระทำของเขา
เราจะรู้จักต้นไม้ดี (หรือคนดี) ได้อย่างไร?
7 เมื่อยอห์นเห็นพวกฟาริสี และพวกสะดูสี เป็นจำนวนมากพากันมา จะให้เขาทำพิธีจุ่มน้ำให้ ยอห์นพูดกับพวกเขาว่า “ไอ้ชาติอสรพิษ ใครเตือนให้พวกแกหลบหนีจากการลงโทษของพระเจ้าที่กำลังจะมาถึง 8 พิสูจน์ให้ดูสิว่าแกกลับตัวกลับใจแล้วจริงๆ 9 อย่านึกเอาเองว่า ‘พวกเราไม่ถูกลงโทษหรอก เพราะพวกเราเป็นลูกหลานของอับราฮัม’ โธ่เอ๋ย ผมจะบอกให้รู้ว่า พระเจ้าสามารถเสกก้อนหินพวกนี้ให้กลายเป็นลูกหลานของอับราฮัมก็ได้
เราจำเป็นต้องกลับใจและให้ผลดีแม้เราเติบโตในครอบครัวคริสเตียนหรือไม่?
8 ที่พวกคุณรอดนั้นเป็นเพราะความเมตตากรุณาของพระเจ้า ผ่านมาทางความเชื่อของคุณ ไม่ได้มาจากตัวของคุณเอง แต่เป็นของขวัญที่มาจากพระเจ้า 9 มันไม่ได้เป็นผลมาจากการกระทำของใคร เพื่อจะได้ไม่มีใครโอ้อวดได้ 10 เพราะเราเป็นผลงานของพระเจ้าที่พระองค์สร้างผ่านมาทางพระเยซูคริสต์ เพื่อให้เราทำสิ่งดีๆที่พระเจ้าได้เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วให้เราทำ
เราถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำอะไร?
จำไว้ว่า การทำความดีไม่ได้ช่วยให้เรารอด แต่เรารอดเพื่อทำความดี
1 ยอห์น 1:7
7 แต่ถ้าเราใช้ชีวิตอยู่ในความสว่างเหมือนกับที่พระเจ้าอยู่ในความสว่าง เราก็จะมีสายสัมพันธ์ร่วมกัน และเลือดของพระเยซูพระบุตรของพระเจ้าก็ล้างความบาปทุกอย่างของเราจนหมดสิ้น
1 ยอห์น 1:9
9 แต่ถ้าเรายอมสารภาพความบาปของเรา พระเจ้าผู้รักษาคำสัญญาและทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ จะยกโทษบาปให้กับเรา และจะล้างเราให้สะอาดจากความผิดทุกอย่างด้วย
การดำเนินชีวิตในแสงสว่างหมายความว่าอย่างไร?
ผลลัพธ์ของการดำเนินชีวิตในแสงสว่างคืออะไร?
36 มีฟาริสีคนหนึ่งเชิญพระเยซูมากินอาหารกับเขา พระองค์ก็เลยมาที่บ้านของเขาและนั่งเอนกายอยู่ที่โต๊ะอาหาร 37 มีผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นที่รู้กันไปทั่วในเมืองนั้นว่าเป็นคนบาป นางได้ยินว่าพระเยซูกำลังกินอาหารอยู่ที่บ้านของฟาริสีคนนั้น นางก็ถือน้ำหอมในขวดสวยหรูมาด้วย 38 นางเข้าไปยืนอยู่ข้างหลังใกล้เท้าของพระเยซู แล้วร้องไห้จนเท้าของพระองค์เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา แล้วเอาผมของนางเช็ด และก้มลงจูบเท้าของพระองค์ พร้อมทั้งเทน้ำหอมลงบนเท้าทั้งสองข้างของพระองค์ 39 เมื่อฟาริสีคนที่เชิญพระเยซูเห็นก็คิดในใจว่า “ถ้าชายคนนี้เป็นผู้พูดแทนพระเจ้าจริง เขาจะต้องรู้ว่า หญิงที่แตะต้องตัวเขานี้เป็นใคร และเป็นหญิงประเภทไหน เขาจะต้องรู้ว่านางเป็นคนบาป”
40 พระเยซูพูดว่า “ซีโมน เราจะบอกอะไรให้นะ”
และซีโมนก็ตอบว่า “ว่ามาเลยครับ อาจารย์”
41 พระเยซูพูดว่า “มีคนปล่อยเงินกู้คนหนึ่ง มีลูกหนี้อยู่สองคน คนหนึ่งเป็นหนี้อยู่ห้าร้อยเหรียญเงิน[a] และอีกคนหนึ่งเป็นหนี้อยู่ห้าสิบเหรียญเงิน 42 แต่ทั้งสองไม่มีเงินใช้หนี้ เจ้าหนี้ก็เลยยกหนี้ให้ทั้งสองคน คุณคิดว่าคนไหนจะรักเจ้าหนี้คนนี้มากกว่ากัน”
43 ซีโมนตอบว่า “คนแรกที่มีหนี้มากกว่าครับ”
พระองค์ก็ตอบว่า “ถูกต้อง”
44 แล้วพระเยซูหันไปมองหญิงคนนั้น และพูดกับซีโมนว่า “เห็นหญิงคนนี้ไหม เรามาบ้านคุณ คุณก็ไม่ได้เอาน้ำมาล้างเท้าเรา แต่เธอกลับใช้น้ำตาล้างเท้าเรา และเอาผมของเธอเช็ดจนแห้ง 45 คุณไม่ได้จูบต้อนรับเรา แต่เธอไม่ได้หยุดจูบเท้าเราเลยตั้งแต่เข้ามา 46 คุณไม่ได้เอาน้ำมันใส่หัวของเรา แต่เธอเอาน้ำหอมเทใส่เท้าของเรา 47 เราจะบอกให้รู้ว่า ที่เธอแสดงความรักมากขนาดนี้ ก็เพราะเธอได้รับการยกโทษจากบาปมากมายนั่นเอง ส่วนคนอื่นที่ได้รับการยกโทษน้อย ก็มีความรักน้อย”
48 พระเยซูพูดกับนางว่า “บาปของคุณได้รับการยกโทษแล้ว” คนที่นั่งดื่มกินกับพระองค์ก็พูดกันว่า
49 “คนนี้คิดว่าเขาเป็นใครกัน ถึงได้เที่ยวยกโทษบาปให้ใครต่อใคร”
50 พระเยซูพูดกับหญิงคนนี้ว่า “ความเชื่อของคุณทำให้คุณรอดแล้ว ไปเป็นสุขเถิด”
สิ่งสำคัญคือมีหัวใจที่เต็มไปด้วยความกตัญญูและรักต่อพระเจ้า ไม่ว่าพระองค์จะทรงอภัยบาปให้มากหรือน้อย
คุณรู้สึกอย่างไรกับการได้รับการอภัยจากพระเจ้า?
22 แต่ผลของพระวิญญาณคือ ความรัก ความชื่นชมยินดี สันติสุข ความอดทน การมีน้ำใจ ความดี ความซื่อสัตย์ 23 ความอ่อนโยน และการรู้จักควบคุมตนเอง สิ่งเหล่านี้ไม่ขัดแย้งกับกฎข้อไหน
พระวิญญาณสร้างผลอะไรให้เกิดขึ้นในชีวิตเรา?
การกลับใจจากอะไร?
19 การกระทำที่เกิดจากสันดานมนุษย์ก็เห็นได้ชัดเจนคือ ความผิดบาปทางเพศ ความไม่บริสุทธิ์ ความคิดสกปรก กิเลสตัณหา 20 การนับถือรูปเคารพ การใช้เวทมนตร์คาถา[a] การเป็นศัตรูกัน การขัดแย้งกัน การริษยาอาฆาตกัน การโกรธเคืองกัน การชิงดีชิงเด่นกัน การไม่ลงรอยกัน การแบ่งพรรคแบ่งพวก 21 การอิจฉา การเมาเหล้า การมั่วสุมกันในงานเลี้ยง เป็นต้น ขอเตือนอีกครั้งอย่างที่เคยเตือนมาแล้วว่า คนที่ทำอย่างนี้จะไม่ได้รับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดกอย่างแน่นอน
คำเตือนคืออะไร?
9 พวกคุณไม่รู้หรือว่า คนที่ทำชั่วจะไม่ได้รับอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก อย่าหลอกตัวเองเลย คนที่ทำผิดทางเพศ คนที่กราบไหว้รูปเคารพ คนที่เล่นชู้ ผู้ชายขายตัว พวกเกย์[a] 10 คนขี้ขโมย คนโลภ คนขี้เมา คนชอบใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น คนขี้โกง คนพวกนี้ไม่มีวันได้อาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดกหรอก 11 ในอดีตพวกคุณบางคนก็เป็นอย่างนั้น แต่ฤทธิ์เดชของพระเยซูคริสต์ และฤทธิ์เดชของพระวิญญาณของพระเจ้าของเราได้ชำระคุณจากบาป ทำให้คุณเป็นของพระเจ้า และทำให้พระเจ้ายอมรับคุณ
เราถูกชำระ ล้างให้บริสุทธิ์ และถือว่าเป็นคนชอบธรรมได้อย่างไร?
ถามตัวเอง
ตั้งแต่กลับใจและได้รับการอภัยจากพระเจ้า คุณเห็นผลอะไรเกิดขึ้นในชีวิตของคุณบ้าง?
การประยุกต์ใช้
คุณอยากให้ชีวิตของคุณเกิดผลมากขึ้นหรือไม่?
คุณสามารถทำอะไรเพื่อเพิ่มผลในชีวิตของคุณได้บ้าง?
แบบอย่างคำอธิษฐาน
พระเยซูเจ้าผู้เป็นพระผู้ช่วยให้รอด ข้าพเจ้ามาหาพระองค์ในวันนี้ด้วยใจที่เปิดกว้าง ข้าพเจ้ากลับใจจากบาปทั้งปวง ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงอภัย และขอให้พระองค์ทรงช่วยให้ข้าพเจ้าปรับปรุงชีวิตและเกิดผลดีมากขึ้น
ข้อพระคัมภีร์สำคัญ
20 ดังนั้นจะรู้ว่าผู้พูดแทนพระเจ้านั้นเป็นตัวปลอมหรือเปล่า ก็ดูจากผลของการกระทำของเขา